วันจันทร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2555

น้ำมันมะพร้าว

เก็บไว้เป็นฐานข้อมูล... ได้ฟังตอนอบรม โดย ดร..... 
1. http://www.ict.in.th/21023    มะพร้าว.. พืชมหัศจรรย์ (ตอน รู้ไว้...ไม่โง่)
2. http://thaispecial.com/bookshop/newbookpreviewx.asp?booklist=6167061740  รู้ไว้...ไม่โง่ ISBN 6167061740 เขียนโดย ดร.ณรงค์ โฉมเฉลา
3. http://www.postjung.com/women-old/show.php?id=1341  น้ำมันมะพร้าว........ผู้ร้ายที่กลับกลายมาเป็นพระเอก 
4. http://www.maprawthai.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=5331977  การใช้น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์
5. http://topicstock.pantip.com/wahkor/topicstock/2010/08/X9573323/X9573323.html  น้ำมันมะพร้าวดีสุดๆต่อสุขภาพ? 
6. http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=kandanalikecoconutoil&month=10-2010&date=22&group=1&gblog=35 
น้ำมันพืชผ่านกรรมวิธี กำลังคุกคามสุขภาพชีวิตของคนไทย ควรใช้ให้ถูกวิธี
7. http://www.thaicam.go.th/index.php?option=com_content&view=article&id=304:2010-08-04-04-48-22&catid=71:2009-09-20-11-54-09&Itemid=120  
การบรรยายประชุมวิชาการเรื่อง บทบาทของน้ำมันมะพร้าวต่อสุขภาพและความงาม

วันจันทร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2555

แฉเรื่องยิว

วันนี้ ฉันตั้งใจว่าจะมานั่งเรียบเรียงเรื่องราวเหล่านี้
หลังจากที่ ได้เกริ่นไปค่อนข้างมาก ว่า จะหาเวลามา "แฉเรื่องยิว" กับระบบการศึกษา
โดยส่วนตัว ได้ศึกษาเรื่องยิวมา เป็นเวลากว่าครึ่งปี
และเห็นถึงความจำเป็นที่ ต้องระวังเป็นอย่างยิ่ง
ยิ่งถ้าพลิกไปดูในประวัติศาสตร์ "ยิวคือชนร้ายกาจ ที่แทรกในเกือบทุกความแตกแยก"
นั่นคือ นิสัย .. ไม่ซิ ที่จริง ต้องเรียกว่า "สันดานยิว" ที่ในปัจจุบัน ก็ยังคงเหลืออยู่..

ในแผนการทำลายล้างมุสลิมของยิว (ที่จริงไม่ใช่แค่มุสลิม แต่ครอบคลุมทุกกลุ่มชน ที่ไม่ใช่ยิว)
มีหลายๆด้านที่เราควรรับทราบ
ทั้งทางด้านสื่อ ทีวี สิ่งพิมพ์ ด้านแนวคิดการปกครอง ด้านการแพทย์ 
แต่วันนี้ จะมาพูดคุยด้าน "การศึกษา"

หนึ่งในทางที่สำคัญที่สุด สำหรับการครอบงำคนให้เป็นไปตามที่ตน (ยิว)ต้องการ
คือการล้างสมองด้วยการศึกษา
แนวคิดทั้งทางด้านประชาธิปไตย์ หรือเผด็จการ ก็เป็นการสร้างขึ้นเพื่อแบ่งชนเป็นสองฝ่าย
ในทุกๆการแบ่งเป็นสองฝ่าย มักมีการทะเลาะโต้เถียง ซึ่งจากประวัติศาสตร์ทำให้เรารู้ว่า "ยิว อยู่เบื้องหลังสงครามสำคัญต่างๆ ของโลก"

เป็นเรื่องที่สำคัญยิ่งที่คนที่เข้ามาในระบบการศึกษา ที่มีตำราขีดเขียนโดยยิว ต้องรับทราบ
เพราะเหมือนถูกจับนั่งเครื่องล้างสมอง โดยที่คนไปนั่งยังไม่รู้ตัว
เซคคิวลาร์ เป็นตัวสำคัญ ที่ทำลายความเอกภาพของมุสลิม ตั้งแต่อดีต
หรือหลุมฝังศพคำว่า "หนึ่งเดียว" ของมุสลิม ที่ถูกแทนที่ด้วยคำว่า "ชาตินิยม"
แม้แต่เหตุการณ์ใน ๓ จังหวัด ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ยังมีกลิ่นไอของ "ชาตินิยม" ปรากฎอยู่
"มลายูนิยม" ที่แอบปะปน จนแบ่งมุสลิมแทบจะให้แตกเป็นเสี่ยงๆ
ฉันเอง ก็เคยโดน ประมาณว่า "พูดภาษาไทย อยู่ฝั่งเขาใช่ไหม ?"
ก็เลยต้องดูอาอ ยกใหญ่ ให้คนหลายคนเข้าใจถึงอิสลาม และมลายูให้แจ่งแจ้งเสียที

นั่นแค่การยกตัวอย่างแนวคิดต่างๆที่มีผลต่อการดำเนินชีวิต
ซึ่งหลายๆวิชาที่นั่งเรียนในระบบการศึกษา ก็ต้องยอมรับว่า 
"ต้องใช้ภูมิต้านทานที่สูงมากเลยทีเดียว"

การมอมเมาเด็กด้วยระบบการศึกษา
กี่มากต่อมากแล้วของปัญญาชนของอิสลามที่เขาใช้เวลากับตำราเรียน
โดยที่เขาวางอัลกุรอ่านไว้เบื้องหลัง
นั่นคือ ความสำเร็จที่สำคัญยิ่งของยิว
"เมื่อใดที่มุสลิม ทิ้งอัลกุรอ่าน .. เมื่อนั้น สมองของเขาจะถูกเราล้างได้ง่ายทีเดียว"
ความรู้อิสลาม ก็ถูกแทนที่ ด้วย"ทฤษฎีปลอมๆ.."
พอพูดคำว่า ทฤษฎีปลอมๆ ต้องขออนุญาตแฉตัวนี้ก่อน..
โดยขอนำคำพูดของผู้แทนยิวไซออนิสม์ (Zion) ระดับที่ 33 
ที่กล่าวไว้ในสนธิสัญญาในหนังสือ ไนลัส (ปัจจุบันเก็บไว้ทีห้องสมุดพิพิธภัณฑ์อังกฤษ)ที่ว่า
"เราต้องให้พวกเขายอมรับ (ความรู้ต่างจากเรา) ในฐานะที่เราเป็นผู้เผด็จการทางทฤษฏี โดยวัตถุประสงค์ที่ทำเช่นนี้ เพื่อที่เราจะให้เขามั่นใจอย่างตาบอดกับทฤษฎีเหล่านั้นอยู่เรื่อยๆ โดยใช้สื่อสิงพิมพ์ของเรา
พวกที่ไม่ใช่ยิวคงจะตัวพองโตกับความรู้ของพวกเขา (เข้าใจว่าตัวเองฉลาด)
โดยไม่ได้พิสูจน์ศาสตร์เหล่านั้นด้วยเหตุผล พวกเขาจะเอาความรู้ทั้งหมดจากศาสตร์มาใช้ โดยความรู้เหล่านั้นเป็นสิ่งทีเราเอามาปะติปะต่อกันอย่างชาญฉลาด ด้วยความมุ่งหวังจะให้"สมองของพวกเขา เป็นไปในทิศทางที่เราต้องการ"

ฉันอ่านท่อนนี้ แล้วตัวชา ด้วยความระอาตัวเองที่ ที่ผ่านมาท่องจำทฤษฎีเขาอย่างฮึดสู้ แล้วพอรู้เยอะ ก็แอบคิดว่า ตัวเองฉลาด...
เรื่องนี้ แทบจะเป็นหนึ่งในความสำเร็จของยิว ..ซึ่งเขาเองก็ได้กล่าว ในบรรทัดต่อไป
ของหนังสือไนลัสว่า
"หากมองว่าเรื่องดังกล่าวเลื่อนลอย ก็ลองดูความสำเร็จที่เราเคยให้ไว้ กับลัทธิดาร์วิน มาร์กซิสม์ นิทเช่ดูซิ สิ่งเหล่านั้นได้ทำให้หัวใจพวกไม่ใช่ยิวไขว้เขวแค่ไหน ?"

ใช่.. เราปฏิเสธไม่ได้ว่า เด็กที่เรียนในระบบการศึกษาหลายคน ต้องเสพต้องสะสมความรู้ทฤษฎีเหล่านี้..
ซึ่งเหตุการณ์ที่เจอกับตัวเมื่อวันก่อน ตอนที่เรียนวิชาหนึ่ง..
เด็กนักศึกษาปีหนึ่งที่ออกมาพรีเซ้นต์ ที่เป็นเด็กมุสลิม พูดอย่างเต็มปากเต็มคำว่า
"มนุษย์มีวิวัฒนาการมาจากลิง..."
นั่นเป็นตัวอย่างง่ายๆ ที่ให้เห็นชัดถึงความน่ากลัวของแต่ละทฤษฎี ที่มีนัยแฝงเร้น
ทำลายอากีดะฮ มุสลิม !

ใช่ว่า เด็กเก่ง จะอยู่เฉพาะในแวดวงยิวเท่านั้น
ปฏิบัติการหาเด็กเก่ง โดยยิว ก็เริ่มขึ้น ด้วยการแข่งขันต่างๆ
ที่เด่นชัดก็น่าจะเป็น โอลิมปิกวิชาการ
โดยอยู่ในแผนการของยิว สมาชิกผู้หนึ่งที่ชื่อ ไวส์ฮอฟท์ ได้เขียนแนวทางเรื่องนี้ว่า
"ให้แทรกซึมตามสถาบันต่างๆ หรือมหาลัยต่างๆ เพื่อคัดสรรหาคนเก่งๆ ในหมู่พวกเขา
จากนั้นก็ให้ทุนการศึกษาเพื่อให้เขาไปเรียนในแหล่งของเรา จนให้เขาเป็นผู้ทำงานให้เรา"
เป็นเรื่องไม่ยากเลย ที่จะเห็นความสำเร็จของแผนยิวข้อนี้..

วันนี้ หากมีเด็กคนหนึ่ง สอบติดโอลิมปิกวิชาการ ในระดับสูงๆ
เป็นที่ฮือฮาของครอบครัว..
มากกว่าการทีเด็กคนหนึ่งท่องจำอัลกุรอ่านได้หลายญุสเสียอีก !

แต่ท้ายที่สุด บทความนี้ ไม่ได้เขียนขึ้น เพื่อให้ทุกคนก้าวเท้าออกจา จากระบบการศึกษาเหล่านั้น
แต่ เพียงอยากให้ จับอิสลามให้มั่น..
และตามให้ทัน แผนการยิว ..
ซึ่งวิธีการเรียน ให้ฉลาด ในระบบการศึกษาตรงนี้..
ฉันก็ได้เคยเขียนฝากไว้แล้ว ในบทความหนึ่งก่อนหน้าแล้ว

อิสลาม ต้องการปัญญาชน..
ไม่ใช่หุ่นเชิด !

คุณครู ขนมปัง

http://www.facebook.com/KruKnompang/posts/264026313711296

วันพฤหัสบดีที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2555

นักดาอีย์



นักดาอีย์ท่านหนึ่ง ได้เดินทางไปประเทศยุโรป


ระหว่างที่เขากำลังรอรถไฟอยู่ในสถานีแห่งหนึ่ง ข้างๆตัวเขานั้น มีหญิงชราคนหนึ่ง วัยประมาณ 70 ปีกว่าๆ กำลังถือลูกแอปเปิ้ลอยู่ในมือ ซึ่งเขาก็กำลังทำท่าจะกินแอปเปิ้ลลูกนั้น พยายามจะกินด้วยฟันที่เหลือเพียงไม่กี่ซี่

นักดาอีย์ที่นั่งอยู่ใกล้ๆ ซึ่งกำลังมองไปยังหญิงชราคนนั้น ก็เลยหยิบลูกแอปเปิ้ลจากเขา แล้วปอกเปลือกของมันและหั่นเป็นหลายชิ้น แล้วก็ยื่นให้หญิงชราคนนั้นเพื่อให้เขาได้กัดกินอย่างสะดวกและง่ายในการกัดเคี้ยว

จู่ๆ หญิงชราก็ร้องไห้ออกมา

เขาก็เลยถามว่า : ยายร้องไห้ทำไม ???
หญิงชราตอบว่า : ช่วงเวลา 10 ปีที่ผ่านมา ลูกๆของฉันไม่เคยมาเยี่ยมฉันบ้างเลย แล้วทำไมคุณถึงได้ช่วยฉัน ???
เขาก็ตอบว่า : มันเป็นส่วนหนึ่งของศาสนาฉัน ที่ได้สอนสั่งฉันให้ทำอย่างนี้ และได้สอนสั่งให้ฉันปรนนิบัติแต่ความดีต่อพ่อแม่ของฉัน ยายรู้ไหมว่าในประเทศของฉัน แม่ฉันอาศัยอยู่ในบ้านหลังเดียวกับฉัน และอายุเขาก็เคียงใกล้กับอายุยาย เขาอยู่อย่างราชินี และพวกเราจะไม่ออกไปไหน นอกจากจะได้รับอนุญาติจากเขา และเราจะไม่กินก่อนที่เขาจะกิน และเราก็ยังทำงานช่วยเหลือเขาเสมอมา และฉันก็สอนสั่งลูกๆฉันให้ปรนนิบัติแต่ความดีกับฉันและแม่ของฉัน ทั้งหมดนี้ เป็นการสอนสั่งจากศาสนาของฉัน
หญิงชราก็ถามว่า : คุณนับถือศาสนาอะไรหรือ ???
เขาตอบว่า : อิสลาม
และแล้ว หญิงชราคนนั้นก็รับอิสลาม

ท่านนบีศ็อลฯ ได้กล่าวไว้ว่า :

«لأَنْ يَهْدِىَ اللَّهُ بِكَ رَجُلاً وَاحِدًا خَيْرٌ لَكَ مِنْ حُمْرِ النَّعَمِ»
แน่แท้ การที่อัลลอฮฺให้คนๆหนึ่งได้รับทางนำ อันเนื่องจากตัวท่านเป็นสาเหตุ มีความประเสริฐดียิ่งกว่าการที่ท่านได้รับอูฐแดงเสียอีก (เศาะฮีหฺ มุสลิม 4/1872 หมายเลขหะดีษ 2406)


✿ ▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬ ✿

บทความดีๆโดย : Women of Paradise| نســاءُ الجــنّــة
ถอดความและเรียงคำโดย : อูลุล อัลบ๊าบ
คัดลอกจาก http://www.facebook.com/photo.php?fbid=380485608674935&set=a.107266665996832.5215.100001404969323&type=1&ref=nf

วันพุธที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2555

การมีพระเจ้าพระผู้สร้าง


รูปภาพของ Onenee Wannee
‎>> ไม่ต้องสงสัย.......... >>
..
จากท่านอิบนุ กะษีร ผู้เชี่ยวชาญ

ในทางอธิบายความหมายของอัลกุรอาน ได้เล่าไว้ในหนังสือของท่านว่า

มีชนกลุ่มหนึ่ง ซึ่งเป็นพวกที่ไม่นับถือพระเจ้า ได้มาหา ท่านอบู หะนีฟะฮฺ

(อิหม่ามหะนะฟี) และ ขอร้องให้ท่านแสดง หลักฐานในเรื่องการมีพระเจ้า

พระผู้สร้าง ให้แก่พวกเขา

ท่านอบู หะนีฟะฮฺ (อิหม่ามหะนะฟี) ก็ยินดีที่จะปฎิบัติตามคำขอร้อง

แต่ท่านพูด กับพวกเหล่านั้นว่า

“ก่อนอื่น ฉันอยากเล่าเรื่องแปลกประหลาด ให้พวกท่านฟัง สักเรื่องหนึ่ง

สำหรับตัวฉันเองก็ยังฉงนใจอยู่เหมือนกัน เรื่องมีดังนี้

"ฉันได้ข่าวประหลาด ว่า ....

มีเรือสินค้าลำหนึ่ง ภายในเรือ ไม่มีคนอยู่ แม้แต่คนเดียว กัปตันก็ไม่มี

นายท้ายก็ไม่มี , ช่างเครื่องก็ไม่มี , ตลอดจนกลาสี , ลูกเรือ , และกรรมกร

แม้แต่ เครื่องควบคุมใดๆก็ไม่มีทั้งสิ้

แต่เรือลำนี้ทำงานได้เองทุกอย่า

เช่น เอาของลงเรือเอง พอสินค้าเต็มลำเรือแล้ว ก็ออกแล่นไปยังที่หมาย

เมื่อถึงที่หมายแล้ว ก็ขนสินค้าขึ้นเอง แล้วก็แล่นกลับ มาขนสินค้าลงอีก

เรื่องเป็นเช่นนี้ ฉันใคร่อยากจะถามท่านว่า

พวกท่านเห็นอย่างไรในเรื่องนี้? มันจะเป็นไปได้ไหม ?”

พวกแขกเหล่านั้นก็ตอบว่า

“มันเป็นเรื่องสุดวิสัยที่จะเชื่อว่าเป็นความจริง เป็นเรื่องเหลวไหลมากกว่า”

ท่านอบู หะนีฟะฮฺ (อิหม่ามหะนะฟี) จึงพูดกับพวกนั้นว่า

“เมื่อท่านไม่ยอมเชื่อเรื่องเรือประหลาดลำนั้นแล้ว

เหตุไฉนท่านจึงจะไม่ยอมเชื่อว่า พิภพอันกว้างใหญ่ไพศาล

เบื้องบนที่เต็มไปด้วย จักรวาล เช่น ดวงจันทร์ ดวงตะวัน

และ ดวงดาวอย่างเหลือคณานับ

ทุกอย่างต่างหมุนเวียนโคจรไปตามกฎเกณฑ์ อย่างเป็น ระเบียบ เรียบร้อ

ย ได้จังหวะ ปราศจากการผิดพลาดก้าวก่าย

ทางเบื้องล่างก็มีสิ่งของสุดวิสัยที่จะคำนวณได้

ทุกๆสิ่ง ได้ดำเนินไปอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยตามกำหนด

เหตุไฉนท่านจึงไม่ยอมเชื่อว่ามีผู้คอยจัดการ คอยบริหารควบคุมดูแล ?

ท่านอบู หะนีฟะฮฺ (อิหม่ามหะนะฟี) ส่งคำถามกลับไปเช่นนั้น

พวกที่ไม่ยอมศรัทธาในพระเจ้าเหล่านั้น ต่างก็นิ่งอึ้งครุ่นคิดอยู่สักครู่หนึ่ง

ก็ยอมจำนนต่อเหตุผล ว่า....

พระเจ้าผู้สร้างนั้นมีแน่นอน และ ยอมรับนับถือ ศาสนาอิสลามทันที

เรื่ององค์พระผู้สร้างนี้ เมื่อเราพยายาม ใช้สติปัญญาค้นคว้า

แต่ เพียงผิวเผินก็จะได้พบประจักษ์พยาน

แต่ถ้าเรายิ่งคิดให้ลึกซึ้ง ก็จะได้พบประจักษ์พยาน

อันกว้างขวางยิ่งขึ้นไปทุกที

อัลลอฮฺฮูอักบัร
....................................................................
จากบางส่วนในหนังสือพิมพ์ “อัล-ฮัดยุน นะบะวีย์”
ของ อัล-มัรฺหูม อัช-ชัยค์ หามิด อัล-ฟากี
ซึ่งตีพิมพ์ในประเทศ อียิปต์
จาก.islamthailand.com